ใช้แอร์อย่างถูกวิธี ประหยัดไฟฟ้า ด้วยการปฏิบัติ ดังนี้
- หมั่นล้างแอร์ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง โดยช่างผู้ชำนาญทุก 6 เดือน และถอดหน้ากากแอร์ออกมาล้างเอง เป็นประจำ เดือนละครั้ง เพื่อให้แอร์ทำงาน ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพไม่มีฝุ่นอุดตัน ซึ่งนอกจาก ช่วยยืดอายุการใช้งานแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าไฟได้ 10%
- ตั้งอุณหภูมิแอร์ ต้องไม่ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส และทดลองตั้งที่ 26-27 องศาเซลเซียส แล้วใช้พัดลมเบอร์ 5 พัดกระจายความเย็น ก็จะช่วยให้ประหยัดไฟฟ้าได้ถึง 10-30% เลยทีเดียว
- ไม่ควรนำความชื้นเข้าไปในห้องแอร์ เช่น ไม่นำผ้าเปียกๆเข้าไปตาก ไม่ควรวางกระถางต้นไม้ ไว้ในห้องที่มีแอร์ และไม่ควรเปิดบานเกล็ด ระบายอากาศของประตูห้องน้ำ เพราะไม่เช่นนั้น แอร์จะทำงานหนัก ในการต้องรีดความชื้น ออกจากห้อง ทำให้ต้องสูญเสียพลังงานไปโดยใช่เหตุ
- ไม่ควรนำของร้อนเข้าไปในห้องแอร์ เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้ามาก ดังนั้นจึงไม่ควรนำเตาไฟฟ้า หม้อต้มน้ำ หม้อสุกี้ เข้าไปในห้องแอร์ ควรปรุงให้เสร็จในครัว และอนุโลมให้นำมารับประทานในห้องแอร์ได้
- ก่อนเปิดแอร์ให้เปิดประตู หน้าต่างให้อากาศภายนอก เข้าไปแทนที่อากาศภาย ในห้องเป็นการถ่ายเทความร้อน สัก 15 นาที เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดพัดลมระบายอากาศ และแอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป
- ปิดประตู หน้าต่างให้สนิทขณะเปิดแอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศร้อน หรือความชื้นจากภายนอกเข้ามา เพราะจะทำให้ เครื่องปรับอากาศ ทำงานหนักขึ้น
- ปรับทิศทางของช่องจ่ายลมเย็น และความแรงของลมให้เหมาะสม กับตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อจะได้เย็นเร็วขึ้น และไม่ต้องปรับอุณหภูมิให้เย็นขึ้น เพราะจะทำสิ้นเปลืองค่าไฟฟ้า
ขอขอบคุณที่มาของ ข้อมูล 88DB.com
ประโยชน์ของการล้างแอร์
เครื่องปรับอากาศ การทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ
ทำไมแอร์ไม่เย็นในช่วงอากาศร้อน และจะทำให้แอร์เย็นขึ้นในช่วงอากาศร้อนได้อย่างไร?
ในหน้าร้อนและช่วงที่อากาศร้อน แอร์จะมีประสิทธิภาพ ในการ ระบายความร้อนลดลง ภาระการทำความเย็นในอากาศที่ร้อนเพิ่มขึ้น ดังนั้น ในฤดูร้อนหรือวันที่อากาศร้อนอบอ้าว จะมีอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศา ความเย็นของแอร์จึงลดน้อยลงอยู่ที่ประมาณ 26 องศาซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานของแอร์ ได้ด้วยการล้างทำความสะอาด เพื่อช่วยให้การไหลเวียน และการถ่ายเทของอากาศดีขึ้น เมื่อแผงคอยส์สะอาด ส่งผลให้การถ่ายเทความร้อนดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ได้ความเย็นมากขึ้นอยู่ที่ 10-15%
ผลพลอยได้คือช่วยลดเชื้อโรคที่หมักหมม ทำให้เกิดผลดีกับสุขภาพ โดยเฉพาะท่านที่เป็นโรคภูมิแพ้ ดังนั้น การทำความสะอาด แผงกรองอากาศควรทำเป็นประจำทุกเดือนหรือ 2 เดือนครั้งก็ยังดี และควรล้างแผงคอยล์ เป็นประจำ อย่างน้อยทุก 6 เดือน จะทำให้แอร์เย็น กินไฟน้อย และไม่เป็นที่ซุกซ่อนของเหล่าเชื้อโรคทั้งหลาย
ข้อแนะนำในการล้างแอร์ ด้วยตัวเอง เริ่มต้นที่ชุดจ่ายลมเย็น หรือ Fan coil Unit หรือแอร์ส่วนที่เรามองเห็นอยู่ ภายในบ้านทำได้โดยถอด หรือเปิดตระแกรงพลาสติก ด้านหน้าตัวเครื่องออก แล้วนำไส้กรองที่อยู่ด้านใน ซึ่งอาจทำด้วย พลาสติก หรือในสังเคราะห์ ออกมาเป่าด้วยลม หรือล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วผึ่งให้แห้ง จากนั้นนำมาประกอบกลับที่เดิม แล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดฝุ่นละออง ที่ติดอยู่ที่หน้ากากแอร์ ให้สะอาด โดยควรถอดล้างทำความสะอาดเป็นประจำทุก 2 สัปดาห์ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ให้มากขึ้น
ส่วนการล้างชุดระบายความร้อน หรือ Condensing Unit หรือส่วนของแอร์ที่ติดตั้ง อยู่ภายนอกอาคาร ก็สามารถทำได้ โดยการ ใช้สายยางฉีดน้ำที่แรงดันไม่สูงนัก ฉีดน้ำทำความสะอาดบริเวณแผงอลูมิเนียม ครีบระบายความร้อน และพัดลมระบายความร้อน เพื่อล้างคราบฝุ่นละอองที่จับอยู่ โดยควรทำความสะอาดทุกๆ 6 เดือน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานของแอร์ ทำให้แอร์ระบายความร้อนได้ดีขึ้น และช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้า ซึ่งการทำความสะอาดไส้กรอง หรือล้างแอร์ด้วยตัวเองนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องทำด้วยความระมัดระวัง และต้องทำ เมื่อปิดแอร์เท่านั้น โดยเฉพาะการล้างชุดระบายความร้อน ให้ระวังการฉีดน้ำ ไปยังบริเวณส่วนที่เป็น แผงขั้วต่อไฟฟ้า เพราะอาจเกิด ไฟฟ้าช็อตได้ ส่วนผู้ที่ไม่สะดวกที่จะล้างแอร์ด้วยตัวเอง หรือต้องการล้างแบบทั้งเครื่อง ควรเรียกช่างผู้ชำนาญ เป็นผู้ล้างจะเหมาะสมกว่า เพราะมีอุปกรณ์ และชิ้นส่วนต่างๆ ที่ละเอียดซับซ้อน โดยล้างปีละ 2 ครั้ง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การงานของแอร์ ปลอดภัยจากเชื้อแบคทีเรียที่หมักหมม ยังช่วยคุณลดค่าไฟฟ้าในกระเป๋าได้ด้วย และยืดอายุการใช้งาน ของเครื่องให้อยู่กับคุณได้นานขึ้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)